สารรสหวานแทนน้ำตาล เป็นสารที่ให้ความหวานเหมือนกันทั้งหมด บางชนิดหวานน้อย บางชนิดก็หวานมาก หวานกว่าน้ำตาลทรายหลายร้อยเท่า
สารรสหวาน แบ่งใหญ่ ๆ เป็น 2 ประเภท
1. สารรสหวานที่ให้พลังงาน เป็นสารรสหวานที่ได้จากธรรมชาติ เมื่อรับประทานแล้วจะให้พลังงานแก่ร่างกาย สารรสหวานกลุ่มนี้ให้พลังงานถึง 4 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม จึงไม่เหมาะที่จะใช้บริโภคในกรณีที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือในผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง สารรสหวานกลุ่มนี้เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ได้แก่ น้ำตาลทราย น้ำตาลนม น้ำตาลมอลโตส น้ำตาลกลูโคส และน้ำตาลฟรุคโตส เป็นต้น
เนื่องจากน้ำตาลฟรุคโตส มีความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายถึง 1.7 เท่า ในปัจจุบันจึงได้มีการผลิตน้ำเชื่อมชนิดที่มี ฟรุตโตสมาก (High fructose syrup) มาใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ทำให้การใช้น้ำตาลทรายในวงการอุตสาหกรรมบางอย่างลดลง
2. สารรสหวานที่ไม่ให้พลังงาน เป็นสารรสหวานที่รับประทานแล้ว จะไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย และไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพียงแต่เรามีความรู้สึกว่าหวานเมื่อรับประทาน สารรสหวานที่ไม่ให้พลังงานนี้ส่วนใหญ่จะได้มาจากกการสังเคราะห์ มีเพียงส่วนน้อยที่ได้มาจากธรรมชาติ สารกลุ่มนี้ เช่น
แซคคารีน (Saccharin) เป็นสารรสหวานที่สังเคราะห์ขึ้น และรู้จักกันมานานแล้ว ปัจจุบันนี้เรียกว่า ขัณฑสกร หรือบางครั้งเรียกว่า น้ำตาลกรวด มีรสหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 500 เท่า มีลักษณะเป็นเกล็ดหรือผลึกสีขาวขุ่น ละลายน้ำได้ เมื่อบริโภคจะรู้สึกหวานติดลิ้น หรือหวานติดคอ ที่สำคัญคือเป็นสารให้รสหวานโดยไม่ให้พลังงาน ในปัจจุบันพบว่า แซคคาริน ทำให้เกิดมะเร็งในสัตว์ทดลอง หลายประเทศจึงห้ามใช้แซคคารินผสมลงในอาหาร สำหรับประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ห้ามใช้แซคคารินกับอาหาร เพราะไม่ได้ให้พลังงานแก่ร่างกาย ห้ามใส่ในเครื่องปรุงรส น้ำปลา ซอส ซีอิ้ว ผลิตภัณฑ์นม เป็นต้น กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้ใช้แซคคารินในเครื่องดื่ม สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือโรคอ้วน แต่ใช้ในปริมาณที่น้อย
แอสปาเทม (Aspartame ) เป็นสารให้ความหวานอีกชนิดหนึ่งมีรสหวานมากกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 180 – 200 เท่า มีลักษณะเป็นผลึกสีขาวปราศจากกลิ่นละลายน้ำได้ดี ให้ความหวานคล้ายคลึงกับน้ำตาลตามธรรมชาติมาก จึงนำมาใช้แทนน้ำตาลได้ แต่แอสปาเทมจะสลายตัวในน้ำเดือด จึงไม่สามารถเก็บไว้ได้ในที่มีมีอุณหภูมิสูง ๆ ไม่เหมาะกับอาหารที่ต้องใช้ความร้อนมาก
ปกติคนเราทั่ว ๆ ไป จะบริโภคน้ำตาลจากธรรมชาติ เช่น น้ำทรายตาล น้ำตาลปึกหรือน้ำตาลปี๊บ ประมาณ 100 – 150 กรัม ดังนั้นปริมาณที่ให้ความหวานเท่ากับน้ำตาลดังกล่าว จะใช้แอสปาเทม ประมาณ 0.5 – 0.8 กรัม การบริโภคแอสปาเทมเฉลี่ยไม่ควรเกิน 0.5 กรัมต่อคนต่อวัน
อีควอล (Equal) คำนี้เป็นชื่อทางการค้าชนิดหนึ่งของผลิตภัณฑ์แอสปาเทม ซึ่งเราจะได้ยินคำนี้กันบ่อย ๆ มีขายตามร้านค้าที่ขายกาแฟ ขายน้ำตาลต่าง ๆ โดยจะใส่ซองเล็ก ๆ ใช้ปรุงแต่งรสหวานในเครื่องดื่ม เช่น กาแฟ ชา อีควอลที่จำหน่ายนั้นมี 2 ลักษณะคือ ชนิดผงบรรจุซอง มีแอสปาเทม ซองละ 38 มิลลิกรัม ใช้แทนน้ำตาลทราย ได้เท่ากับ 2 ช้อนชา และชนิดเม็ด มีแอสปาเทม เม็ดละ 19 มิลลิกรัม ใช้แทนน้ำตาลทรายได้เท่ากับ 1 ช้อนชา อีควอลเป็นสารรสหวานแทนน้ำตาลที่ปลอดภัย เหมาะสมในการใช้ผสมในเครื่องดื่มหรือในอาหารรสหวานที่ปรุงสำเร็จ
ซอบิทอล (Sorbitol) เป็นสารที่มีรสหวานน้อยกว่าน้ำตาลทราย คือ มีรสหวานประมาณ 0.5 เท่าของน้ำตาลทราย ในปัจจุบันนี้ยังมีใช้กันอยู่ทั่วไป
ไซลิทอล (Xylitol) เป็นสารที่มีรสหวานมากกว่าน้ำทรายทรายประมาณ 20 – 50 เท่า ละลายได้ในน้ำและทนต่อความร้อน
โซเดี่ยมไซคลาเมท (Sodium cyclamate) เป็นสารที่มีรสหวานมากกว่าน้ำตาลทรายประมาณ 30 เท่า แต่ปัจจุบันนี้พบว่าสารนี้ ทำให้เกิดมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะของหนู ทางราชการจึงห้ามใช้สารรสหวานชนิดนี้นี้
กลีไซไรซิน (Glycyrrhizin) เป็นสารรสหวานที่ได้จากพืชคือชะเอมเป็นพืชที่เรารู้จักกันดีมานานแล้ว น้ำยาสกัดของรากชะเอมมีรสหวาน จึงใช้ผสมในยาแก้ไอ ลูกอม ลูกกวาด มีรสหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 50 เท่า การบริโภคสารนี้นาน ๆ ทำให้เกิดอาการบวม เพราะทำให้เกิดคั่งค้างของเกลือโซเดี่ยมในเซลล์ ทำให้ความดันเลือดสูง แต่ก็ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร และลำไส้ได้
หล่อฮังก้วย (Lo Han Kua) เป็นต้นไม้ที่ชาวจีนใช้เปลือก และเนื้อจากผลเป็นยาแก้หวัด เจ็บคอ สารรสหวานในเปลือกและเนื้อของผล คือ โมโกรไซด์ (Mogrosides) มีรสหวานกว่าน้ำตาลทราย 150 - 200 เท่า
หญ้าหวาน (Stevioside) เป็นพืชที่มีสารรสหวาน คือ สตีวิโอไซด์ (Steviosides) ที่มีรสหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 200 – 300 เท่า รสหวานคล้ายชะเอม ในเมืองไทย หญ้าหวานปลูกกันมากทางภาคเหนือ สารรสหวานนี้ใช้แต่งรสของผักดอง ซอส ลูกกวาด หัวไชเท้า เปลือกมะนาวแห้ง และใช้ใส่ในเครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ
สารรสหวานในกลุ่มนี้ที่ได้จากพืชในธรรมชาติมีอยู่หลายชนิด ที่มีอยู่ในประเทศไทย
........................................
เว็บไซต์ข้อมูลอ้างอิง 1. http://www.uniserve.buu.ac.th 2. http://dental.anamai.moph.go.th 3. http://www.pharm.chula.ac.th 4. http://www.bangkokhealth.com 5. http://www.thaigoodveiw.com
6. http://th.wikipedia.org/wiki
6. http://th.wikipedia.org/wiki
เป็นเรื่องใกล้ตัวของเรามาก เกี่ยวกับอาหารมที่เราทายเข้าปัยมาจากน้ำตาลจริงๆ หรือสารที่ให้ความหวาน
ตอบลบซอบิทอล (Sorbitol) เป็นสารที่มีรสหวานน้อยกว่าน้ำตาลทราย คือ มีรสหวานประมาณ 0.5 เท่าของน้ำตาลทราย ในปัจจุบันนี้ยังมีใช้กันอยู่ทั่วไป เพิ่งจะรู้ว่า นำมาใช้แทนน้ำตาลได้ ซึ้งได้ให้ประโยชน์มากๆๆๆเพราะเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องใกล้ตัว
ตอบลบ