วันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ภัยเงียบจาก คอมพิวเตอร์

สุนทร   ตรีนันทวัน
ผู้เชี่ยวชาญสาขาเทคโนโลยีการศึกษา สสวท.
สอบถามเพิ่มเติม E-mail : strin@ipst.ac.th
                ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ยุคดิจิตอล ครองเมือง  นับว่ามีความสำคัญอย่างมากที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนเราจำนวนมากขึ้นทุกๆที  แทบจะเรียกได้ว่าปฏิเสธไม่ได้  โดยเฉพาะในอาคารสำนักงาน สถานศึกษาต่างๆ  หรือแม้กระทั่งตามอาคารบ้านเรือน จะมีเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้งานกันทั่วๆไป  การใช้คอมพิวเตอร์นั่งเล่นแชท (Chat) ส่งอีเมล (Email) ดูหนัง ดูละคร ฟังเพลง ฯลฯ  ซึ่งมักจะนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ครั้งละนานเป็นชั่วโมงๆ
                กลุ่มคนที่อยู่ในวัยทำงาน  คอมพิวเตอร์เข้ามามีบทบาทที่สำคัญในการประกอบอาชีพของคนเราในยุคนี้มากขึ้น  แทบทุกสำนักงานจะเห็นได้ว่ามีเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นต่างๆ  มีรูปลักษณะต่างๆกับไปตามการใช้งานที่เหมาะสม  สำนักงานสถิติแห่งชาติ  เคยสำรวจการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (IT)  ในสถานประกอบการไทยที่ใช้ไอทีในปี พ.ศ. 2552 มีจำนวนทั้งสิ้น  2,161,327  เครื่อง  จึงทำให้คนสมัยนี้ต้องอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์นานมากขึ้น
                นายแพทย์สมเกียรติ  ศิริรัตนพฤกษ์  ผู้อำนวยการสำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม  ได้กล่าวเรื่องนี้ลงใน นิตยสารสุขภาพ (Hospital Healthcare)  ฉบับที่  32  ปีที่  4 เดือน พฤษภาคม  พ.ศ. 2553   สำหรับผู้ที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์อยู่เป็นประจำ  จะมีอาการแสบตา  ปวดตา  ตาแดง  ตาพร่า น้ำตาไหล  ปวดขมับ  อาจจะปวดร้าวตั้งแต่ไหล่ถึงคอ  มีรอยคล้ำรอบๆตา  อาการเหล่านี้เป็นอาการของโรคที่เรียกว่า  โรคคอมพิวเตอร์  วิชั่น ซินโดรม  (Computer vision syndrome – CVS) หรือเรียกสั้นๆว่า โรค ซีวีเอส (CVS) บางครั้งเรียกกันว่า โรคร้ายสำหรับชาวคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีสาเหตุหลักๆก็คือ  การนั่งใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันนานๆโดยไม่ได้หยุดพักนั่นเอง  มีโอกาสที่ร่างกายจะได้เคลื่อนไหวในท่าอื่นๆน้อยลง แสงจ้าจากจอคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้ต้องนั่งเพ่งหน้าจออยู่นานๆทำให้มีปัญหาทางสายตา    ซึ่งนายแพทย์สมเกียรติกล่าวว่า  โรคนี้ไม่ใช่เป็นเฉพาะคนไทยเท่านั้น  เป็นได้กับคนทั่วโลกทุกชาติ ทุกภาษา
                จากนิตยสาร ชีวจิตร ปีที่ 12 วันที่  16  พฤกษภาคม  2553  หน้า  48 – 53  ได้ชี้ให้ทราบว่า  คนในวัยทำงานตาเสื่อมก่อนวัย  ด้วยภัยจากคอมพิวเตอร์   รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ปริญญ์ โรจนพงศ์พันธุ์  จากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์  สภากาชาติไทย  กล่าวว่าผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์นั่งทำงานอยู่หน้าจอนานๆ  มีโอกาสเป็นโรค ซีวีเอส ได้  และก็เป็นกันเยอะ
                คุณยุวดี  สุวรรณศักดิ์ชัย  ทำงานเป็นสไตลิสต์ของนิตยสารเล่มหนึ่ง  เล่าปัญหาของเธอให้ฟังว่าตอนที่เรียนด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิกในระดับปริญญาตรี  ต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ครั้งละนานๆ  และเมื่อจบออกมาทำงานในฝ่ายศิลปกรรมของนิตยสาร  เธอรักในงานทุ่มเทเวลาในการทำงานมาก  หลายๆครั้งที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ตั้งแต่แปดโมงจนกระทั่งถึงสองสามทุ่ม
                ไม่นานเธอเริ่มเห็นความผิดปกติเกิดขึ้นกับดวงตาเด่นชัด  คือเริ่มมีอาการปวดกระบอกตา  ลามไปถึงระหว่างคิ้ว  มองเห็นเป็นจุดดำหลายๆจุดลอยไปมา ตาพร่า ปวดตาน้ำตาไหล สุดท้ายอาการหนักมากใช้สายตาไม่ได้ ทำงานไม่ได้  ต้องไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจรักษา      จึงทราบว่าเป็นอาการของ   โรค ซีวีเอส  ต้องหยุดพักเพื่อรักษาตา
                คุณทรงสมร  เอี่ยมสรรพางค์  เป็นข้าราชการกระทรวงพาณิชย์  ต้องทำงานโดยนั่งที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตั้งแต่แปดโมงเช้าจนถึงห้าโมงเย็นทุกๆวัน  สังเกตเห็นความผิดปกติของตัวเองแต่เนิ่นๆ  คือ  จะปวดศีรษะและดวงตา  ลามไปถึงกระบอกตา  เห็นเป็นแสงระยิบๆ  มีจุดสีดำสีขาวลอยอยู่เต็มไปหมด  จึงได้ไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจ  ปรากฏว่าขั้วประสาทตาฝ่อไปประมาณร้อยละ  50  และเริ่มเป็นต้อหินระยะต้น  จึงต้องลดการใช้คอมพิวเตอร์ลง
                คุณน้ำผึ้ง  นะนุนา  ทำงานฝ่ายศิลปกรรมโฆษณากับบริษัทแห่งหนึ่ง    ในการออกแบบโฆษณา
คุณน้ำผึ้งเป็นคนรักในงานที่ทำ ขยัน  นั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละไม่ต่ำกว่าสิบชั่วโมง  เป็นเวลานานกว่าห้าปี  สังเกตเห็นความผิดปกติของตัวเอง คือ  มีอาการปวดตา เพ่งดูจอคอมพิวเตอร์นานๆจะรู้สึกปวดตามาก  ตาพร่า  ตาแห้ง  ปวดกระบอกตา  น้ำตาไหล  ต้องไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจ  จึงทราบว่าเป็นโรค ซีวีเอส  คุณน้ำผึ้งจึงปรับพฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์อย่างจริงจัง  และใส่ใจสุขภาพดวงตามากขึ้น และต่อมาได้ตัดสินใจลาออกจากงานเมื่อต้นปี พ.ศ. 2553 นี้เอง
                ผมคิดว่าคงจะมีคนที่เป็นโรค ซีวีเอส เนื่องมาจากคอมพิวเตอร์อีกมากมาย  เพียงแต่ไม่เป็นข่าวเท่านั้นเอง  ท่านที่นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์นานๆ  เคยสังเกตตัวท่านเองว่าโรคนี้เริ่มมาเยี่ยมกรายท่านบ้างหรือไม่  หมั่นสังเกตไว้นะครับ เพื่อสุขภาพตาของท่านเอง
                หนังสือ  100  เรื่องเด่น ความรู้เพื่อส่งเสริมสุขภาพประชาชน   โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนันสนุนการสร้างสุขภาพ (สสส)  ได้แนะนำเรื่องนี้ที่น่าสนใจ เช่น
                1. โต๊ะวางคอมพิวเตอร์และเก้าอี้นั่ง  ควรมีระดับความสูงที่ไม่ต่างกันมากนัก  ควรอยู่ในระดับที่ผู้นั่งรู้สึกสบาย  ไม่ต้องเกร็งตัว  เพราะท่านั่งที่ไม่ถูกต้องจะส่งผลต่อกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ เช่น กล้ามเนื้อคอ  ไหล่  แขน  อาจปวดข้อ  ปวดกล้ามเนื้อ  และเส้นเอ็นอาจอักเสบได้
                2.ใช้แผ่นกรองแสงติดหน้าจอเพื่อลดแสงจ้าที่เข้าสู่ตาโดยตรง  หรือปรับแสงหน้าจอไม่ให้สว่างจ้าเกินไป
                3. พักสายตาเป็นระยะ  ใช้สูตรง่ายๆคือ  20-20-20  คือหลังจากใช้คอมพิวเตอร์นาน  20  นาที  ให้พักสายตาโดยมองออกไปไกลๆประมาณ  20  ฟุต  อย่างน้อย  20  วินาที หรือหลับตาพักสายตา  20 วินาที  แทนการมองไกลๆ  ทั้งนี้เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา
                4. ใส่แว่นสายตาที่เหมาะสม
                5. กระพริบตาบ่อยๆเพื่อกระตุ้นการผลิตน้ำตา ลดภาวะตาแห้ง
                6. กินอาหารบำรุงสายตา เช่น ผักผลไม้ที่มีสีเข้ม และมีวิตามิน เอ บี ซี อี  เช่น  มะเขือเทศ  มะเขือม่วง  กะหล่ำปีสีม่วง ผลไม้ที่มีสีม่วง  ฟักทอง  ผลเบอร์รี่  น้ำคั้นจากดอกอัญชัญ  เป็นต้น

                 สำหรับผู้ที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆทุกๆวัน ต้องหมั่นสังเกตอาการต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นกับดวงตาของเราเองตั้งแต่เนิ่นๆตามที่กล่าวมาแล้ว เพราะโรคซีวีเอส จะค่อยๆเข้ามาเยี่ยมกรายเราอย่างเงียบๆ  และลองนำคำแนะนำตามที่กล่าวมานี้ไปใช้ดูนะครับ  เพื่อสุขภาพดวงตาของตัวเราเอง  จะได้ห่างไกลจาก โรคซีวีเอส  ไม่ต้องมีอาการปวดอย่างเรื้อรัง ไม่รู้จักหายเสียที  จะได้นั่งทำงานในหน้าที่ที่รับผิดชอบ  หน้าคอมพิวเตอร์ให้สนุกสนานได้อีกนานๆๆๆครับ...                เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีสำหรับชาวคอมพิวเตอร์ทั่วๆไป  และผู้ที่กำลังจะเป็นชาวคอมพิวเตอร์นั้น  ควรจะได้ศึกษาเรื่องนี้ไว้ด้วย  โรค ซีวีเอส จะได้ไม่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเราครับ
                                                ................................
                                                 เว็บไซต์ข้อมูลอ้างอิง                                1. http://www.healthcorners.com                                2. http://iam.hunsa.com                                3. http://www.denaeyewear.com                                4. http://www.aoa.org/images                                5. http://www.medicthai.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น